บันทึกเกี่ยวกับควอนตัม

หนังสือควอนตัม

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข้อคิดจากปาด



เมื่อเช้าวานนี้ผู้เขียนกำลังจะเข้าไปแปรงฟันอาบน้ำก็เห็นตัวอะไรไม่ทราบกระโดดอยู่ในห้องน้ำในตอนแรกก็ทำให้ตกใจ แต่เมื่อมันเกาะแล้วก็ทำให้รู้ว่าเป็นตัวปาด ซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเช่นเดียวกับเขียดกบ พยายามจะไล่มันออกไปโดยการฉีดน้ำ ทำให้เห็นว่ามันกระโดดเก่งมากสามารถข้ามไปมาระหว่างกำแพงห้องน้ำได้ ไต่กำแหงได้เช่นเดียวกับสไปเดอร์แมนในหนัง  ปลายเท้าคงมีตุ่มลักษณะพิเศษ ที่ทำให้ยึดเกาะได้ดีน่าศึกษา พบว่าขายาวกว่าลำตัวไม่น้อยสองเท่าเมื่อมันกางขาออก และพับได้เป็น 3 ท่อนลักษณะลำตัวเป็นสีเหลืองหม่น จนแล้วจนรอดมันก็กระโดดออกจากห้องน้ำไป
ที่จำเป็นต้องไล่ไปนั้นเมื่อนึกถึงตัวปาดสมัยเด็กๆ ที่มีผู้ใหญ่เคยบอกกล่าวว่ามันจะมาเกาะตัวเด็กและถ้าฉี่มันเข้าตาจะทำให้ตาบอดได้ ทำให้กลัวๆ กล้าๆ เพราะไม่มีความรู้จริงเรื่องนี้ และถ้าเราเชื่อในกฏแห่งกรรมสำหรับสัตว์ที่ขึ้นมาเยี่ยมเราถึงบนบ้านนั้น ชาติที่แล้วอาจเป็นญาตเรามาก่อนก็ได้ ถ้าคิดได้เช่นนี้เราก็ไม่คิดจะไปทำร้าย ทำลายชีวิตมัน บางครั้งก็อดคิดไม่ได้เพราะมันมาแล้วไม่ยอมไปไหนเสียที ทั้งๆที่พยายามอำนวยความสะดวกให้มันออกไป หลายคนอาจจะเคยเจอนกพลัดหลงเข้ามาแล้วกว่าจะออกจากบ้านได้ก็เอาใจช่วยอยู่นาน
ปกติแล้วชาวพุทธที่ถือศิลข้อหนึ่ง นั้นให้มีเมตตาต่อสัตว์ ไม่ทำร้ายทำลายชีวิตสัตว์ถือว่าทุกชีวิตรักชีวิตของตัวเองและอิงอาศัยกันตามระบบนิเวศ การอบรมสั่งสอนให้บุตรหลานรักสัตว์ให้ความเอ็นดูสัตว์นั้นเป็นเรื่องที่ดี มีความเชื่อว่าคนเรานั้นถ้ารักสัตว์ไม่ฆ่าสัตว์แล้ว มนุษย์ด้วยกันเขาก็จะไม่ทำร้ายไม่ฆ่ากัน เหมือนกับที่เป็นข่าวการทำร้ายร่างกาย ประทุษร้ายกันถึงชีวิต ก็ให้นึกสังเวชว่าคนเรายังขาดสติ ใจร้ายมากถ้าทำไปโดยเจตนา แล้วจะสอนลูกหลานอย่างไร

สำหรับผู้สูงวัย

การมีอายุยืนยาว 100 ปี ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สำหรับความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยให้คนเราอายุยืนยาวมากขึ้น  หนังสือนี้เขียนขึ้น สำหรับคนที่จะอาศัยอยู่และทำงาน ในช่วงอายุที่ยืนยาวออกไปเป็นร้อยปี

ข้อคิดจากปาด



เมื่อเช้าวานนี้ผู้เขียนกำลังจะเข้าไปแปรงฟันอาบน้ำก็เห็นตัวอะไรไม่ทราบกระโดดอยู่ในห้องน้ำในตอนแรกก็ทำให้ตกใจ แต่เมื่อมันเกาะแล้วก็ทำให้รู้ว่าเป็นตัวปาด ซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเช่นเดียวกับเขียดกบ พยายามจะไล่มันออกไปโดยการฉีดน้ำ ทำให้เห็นว่ามันกระโดดเก่งมากสามารถข้ามไปมาระหว่างกำแพงห้องน้ำได้ ไต่กำแหงได้เช่นเดียวกับสไปเดอร์แมนในหนัง  ปลายเท้าคงมีตุ่มลักษณะพิเศษ ที่ทำให้ยึดเกาะได้ดีน่าศึกษา พบว่าขายาวกว่าลำตัวไม่น้อยสองเท่าเมื่อมันกางขาออก และพับได้เป็น 3 ท่อนลักษณะลำตัวเป็นสีเหลืองหม่น จนแล้วจนรอดมันก็กระโดดออกจากห้องน้ำไป
ที่จำเป็นต้องไล่ไปนั้นเมื่อนึกถึงตัวปาดสมัยเด็กๆ ที่มีผู้ใหญ่เคยบอกกล่าวว่ามันจะมาเกาะตัวเด็กและถ้าฉี่มันเข้าตาจะทำให้ตาบอดได้ ทำให้กลัวๆ กล้าๆ เพราะไม่มีความรู้จริงเรื่องนี้ และถ้าเราเชื่อในกฏแห่งกรรมสำหรับสัตว์ที่ขึ้นมาเยี่ยมเราถึงบนบ้านนั้น ชาติที่แล้วอาจเป็นญาตเรามาก่อนก็ได้ ถ้าคิดได้เช่นนี้เราก็ไม่คิดจะไปทำร้าย ทำลายชีวิตมัน บางครั้งก็อดคิดไม่ได้เพราะมันมาแล้วไม่ยอมไปไหนเสียที ทั้งๆที่พยายามอำนวยความสะดวกให้มันออกไป หลายคนอาจจะเคยเจอนกพลัดหลงเข้ามาแล้วกว่าจะออกจากบ้านได้ก็เอาใจช่วยอยู่นาน
ปกติแล้วชาวพุทธที่ถือศิลข้อหนึ่ง นั้นให้มีเมตตาต่อสัตว์ ไม่ทำร้ายทำลายชีวิตสัตว์ถือว่าทุกชีวิตรักชีวิตของตัวเองและอิงอาศัยกันตามระบบนิเวศ การอบรมสั่งสอนให้บุตรหลานรักสัตว์ให้ความเอ็นดูสัตว์นั้นเป็นเรื่องที่ดี มีความเชื่อว่าคนเรานั้นถ้ารักสัตว์ไม่ฆ่าสัตว์แล้ว มนุษย์ด้วยกันเขาก็จะไม่ทำร้ายไม่ฆ่ากัน เหมือนกับที่เป็นข่าวการทำร้ายร่างกาย ประทุษร้ายกันถึงชีวิต ก็ให้นึกสังเวชว่าคนเรายังขาดสติ ใจร้ายมากถ้าทำไปโดยเจตนา แล้วจะสอนลูกหลานอย่างไร

การจัดการความรู้ที่ควรจะเป็น

    โลกในยุคสังคมข่าวสารต้องการบุคคลากรที่มีความรู้มากขึ้นกว่าการมีทักษะเพียงอย่างเดียว  เพราะมีความเชื่อว่า  การมีความรู้กำกับด้วยจะช่วยให้การปรับปรุงการทำงานได้ดีขึ้น  และเชื่ออีกเหมือนกันว่าหน่วยงานที่ดำเนินการจัดการความรู้ได้อย่างดีควบคู่กับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ องค์กรณ์นั้นก็จะมีคุณภาพและประสิทธิภาพ  นั่นก็คือการจัดการความรู้แล้วทำให้มีการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น การจัดการความรู้แล้วไม่ได้หมายถึงการบุคคลากรมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน  มีนันทนาการมากขึ้น แต่การทำงานไม่ได้พัฒนาขึ้น  งานก็ไม่ได้ปรับปรุงขึ้น อาจจะเป็นการลงทุนจัดการความรู้ที่ไม่คุ้มค่าก็ได้

     ปัญหาของเรื่องการจัดการความรู้นั้นมีตั้งแต่การให้คำนิยาม  ซึ่งเมื่อประมวลดูแล้วจะมีอยู่สองประการหลักก็คือ การจัดการความรู้เพื่อที่จะให้คนมีความรู้มากขึ้น เป็นผู้เรียนรู้หรือนักเรียนรู้มากขึ้น แล้วจะมีผลทำให้การทำงานดีขึ้น  ต้องการให้นำไปใช้ในการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น ส่วนการมีความรู้มากขึ้นหรือการเป็นนักเรียนรู้นั้นเป็นผลพลอยได้ไม่ใช่เรื่องหลัก จะเห็นว่าทั้งสองประการดังกล่าวมีความสัมพันธ์กัน เพราะว่าถ้าการมีความรู้เพิ่มขึ้นแล้ว เรียนรู้เองก็ได้ แต่ทำงานไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น กล่าวได้ว่ายังจัดการความรู้ได้ไม่ดีพอ คนอาจทำงานมานานแต่ก็ทำงานไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ บางคนหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลาแต่ก็ยังทำงานได้ไม่ดี หลายคนออกมาเตือนว่าการจัดการความรู้ที่ทำกันนั้นกว้างเกินไป บางทีก็เน้นหนักไปที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย เป็นมิตร กันเอง มีมุมของว่างกาแฟ มุมบันเทิงร่วม และมุมอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่าเมื่อบรรยากาศเอื้อ ทุกคนอยากอ่าน อยากพบปะ พูดคุย มีการแลกเปลียนเรียนรู้แล้วการทำงานจะดีขึ้นเอง ในความเป็นจริงอาจจะไม่ดีขึ้นเลยก็ได้ ถ้าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้นไม่ได้มีผลต่อการทำงานโคยตรงเท่าใดนัก 

การจัดการความรู้ต้องผสมผสานระหว่างความรู้เชิงประจักร (explicit knowledge) และการจัดการความรู้แฝง (tacit knowledge) และต้องตั้งเป้าเพื่อให้ทุกคนได้ทำงานดีขึ้น ซึ่งความรู้ทุกอย่างจะพัฒนางอกเงยเพิ่มขึ้นเมื่อมีการนำความรู้นั้นไปใช้ ไม่ใช่เพียงรู้อย่างเดียว หรือเพียงแต่จากการอ่าน ฟังและพูดคุย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการความรู้ที่มุ่งให้ทำงานในความรับผิดชอบให้ดีขึ้น ยิ่งต้องนำความรู้ไปใช้ ความรู้จะยิ่งเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงในการใช้ แก้ปัญหาในการใช้ทำให้ต้องเสริมแต่งความรู้อยู่ตลอดเวลา การจะให้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ นั้น อาจสอดคล้องกับความตั้งใจที่ให้วันพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ แต่จะเป็นเช่นนั้นได้ คงต้องสร้างสิ่งท้าทาย สร้างโอกาสและวิธีการ ให้คนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทีจัดขึ้น อาจทำได้โดยการพบกันซึ่งๆ หน้า การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ การเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ด้วยตนเองเพิ่มเติม และการเรียนรู้เสริมระหว่างกันและกันเมื่อได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน

บทความบล็อกที่ขาดหายไป



วันนี้ได้โอกาสดีก็จะได้เริ่มต้นเขียนบล็อกกันใหม่  ก็คงจะได้มีโอกาสเชียนแสดงความคิดเห็น  นำเสนอถึงความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราฃภัฏของเรา

ผมมีความเชื่อตามแนวศาสนาพุทธ ว่าทุกสิ่งนั้นไม่เที่ยงแท้แน่นอน จึงเป็นไปได้ว่าอะไรก็เป็นไปได้เสมอ อะไรที่เป็นไปไม่ได้ในวันนี้แล้วไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ มันอาจจะมีสักวันที่เป็นไปได้ แม้ว่าเราอาจจะไม่เห็นถึงความเป็นไปได้นั้น  นอกเสียจากว่าความเป็นไปได้นั้นมันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ อีกเลย ก็ไม่ต้องให้ความสนใจ  ถ้าจะให้เป็นไปได้ก็ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราหรือพวกเราต้องการสร้างความเป็นไปได้นั้นให้เกิดขึ้นหรือไม่
เอารูปที่แสดงถึงคนที่มีความมุ่งมั่นต้องการสร้างให้เกิดขึ้น ว่าสิ่งที่คิดลงมือทำเป็นไปได้