บันทึกเกี่ยวกับควอนตัม

หนังสือควอนตัม

วันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560

การปฏรูปการศึกษาต้องเริ่มจากสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับการศึกษาของเรา

การสำรวจระบบการศึกษาของเราให้ได้ผลที่ต้องการ สิ่งแรกเราต้องตรวตสอบถึงส่วนหลักในการให้การศึกษานักเรียนของเรา นั่นก็คือห้องเรียนหรือชั้นเรียน ที่เราต่างก็รู้กันเป็นส่วนใหญ่ว่าเป็นอย่างไร

สิ่งแรกคือห้องเรียนในประเทศไทยนั้นการพูดบอกของครูเป็นใหญ่ในชั้นเรียน โดยครูมักจะถ่ายทอดความรู้ไปยังนักเรียน และคาดหวังให้นักเรียนจำ เลียนแบบเนื้อหาความรู้ที่ีที่ถ่ายทอดหรือเผยแพร่ให้นักเรียน  ถ้าเขียนเป็นผังแสดงการสื่อสารในห้องเรียนแล้วจะพบว่าลูกศรที่แสดงการไหลเข้าออกของข่าวสารชี้ไปยังครูทั้งสิ้น การเริ่มต้นคำถามจากนักเรียน และการปฏิสัมพันธ์พูดคุยกันระหว่างนักเรียนมีน้อยมาก

ประการที่สอง ครูมักยึดถือเอาตำรา แบบเรียน คู่มือครู เป็นสารสนเทศหลักที่จะถ่ายทอดเผยแพร่ความรู้ให้นักเรียน ตรงตามทึ่จัดเรียงไว้ ตามหนังสือ คู่มือดังกล่าว ซึ่งจัดให้นักเรียนเพียงทัศนะเดียวหนึ่งของเนื้อหาที่ซับซ้อน หรือชุดหนึ่งของความจริงเท่านั้น อาจบอกแต่ข้อดีมีประโยชน์ แต่ไม่ได้บอกปัญหาอุปสรรค ข้อเสียต่างๆ หรือบอกแต่ความสำเร็จ แต่ไม่บอกถึงข้อเสีย ความเสียหายที่เกิดขึ้น

ประการที่สามแม้ว่าจะมีความสนใจมากขึ้นในการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือหรือเรียนรู้ร่วมกัน (coorperative learning) มากขึ้นในชั้นเรียนไทย  ชั้นเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้จัดโครงสร้างสนับสนุนการจัดการเรียนรู้แบบนี้ ยังมีชิ้นงานที่ให้ทำโดยลำพังและต้องการเพียงทักษะระดับต่ำมากกว่าที่จะเป็นการคิดหาเหตุผลในระดับสูงขึ้น ตัวอย่างเช่นในชั้นเรียนประถมศึกษา ซึ่งครูมักมอบงานให้นักเรียนนั่งทำเพียงลำพังตามหนังสือทำแบบฝึกหัดหรือกิจกรรม บางอย่าง ซ้ำๆกัน   หรือให้ทำในส่วนที่แยกออกมาเป็น เอกสารแจก อันเป็นกิจกรรมประจำวันที่ให้นักเรียนทำเป็นประจำ

ประการที่สี่  ในชั้นเรียนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการคิดของนักเรียนมากนัก เหมือนกับไม่มีคุณค่าใด ที่จะส่งเสริมสนับสนุนเป็นรูปธรรม เมื่อถามคำถามนักเรียน ครูส่วนใหญ่ไม่ได้แสวงหา ถึงสิ่งที่จะทำให้นักเรียนได้คิดจากเรื่องราวที่ซับซ้อน แต่เพียงให้ค้นพบว่านักเรียนรู้คำตอบที่ถูกต้องหรือไม่  เป็นประเด็นหนึ่งที่ส่งผลให้นักเรียนเรียนรู้ที่จะไม่ยกมือตอบสนองต่อคำถามของครู นอกจากมั่นใจว่าพวกเขาได้รู้ในสิ่งที่ครูต้องการอยากให้รู้เพื่อตอบสนอง การแสดงออกอย่างอื่นทำให้รู้สึกว่าเสี่ยงที่จะถูกตำหนิ

ประการที่ห้าการจัดการศึกษาในโรงเรียนบนหลักการที่อ้างถึงหลักฐานว่ามีโลกที่ตายตัวซึ่งนักเรียนต้องมาเรียนรู้ มารับรู้ การสร้างความรู้ใหม่จึงไม่ได้ให้คุณค่าในระดับสูง เช่นความสามารถที่จะต้องแสดงสาธิตให้เห็นว่ารู้รอบถึงความเข้าใจในเนื้อหาที่ยอมรับกันโดยทั้่วไป

1 ความคิดเห็น:

  1. สำหรับบทความที่กล่าวมาข้างต้นผมยอมรับว่ามีส่วนที่ถูกน่ะครับ
    แต่ผมคิดว่า นี้คือปลายเหตุข้องการแก้ปัญหา ผมอยากให้นึกถึงภูเขาน้ำแข็งในทะเล ซึ่งจะเห็นได้ว่า มันจะก้อนน้ำแข็งที่อยู่ด้านบนและด้านล่าง จากบทความนี้ผมคิดว่านี้คือยอดของภูเขาน้ำแข็ง แต่สิ่งที่ลึกลงไปนั้นยังไม่ได้กล่าวมาอีกมากมาย แต่ก็ยอมรับน่ะครับว่ามีส่วนถูก ถ้าลงลึกผมจะมองไปถึงระบบและโครงสร้างของการศึกษาก่อนเพราะคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผลต่างๆ

    ตอบลบ